Keywords: Patachara.jpg ภาพวาด หตุการณ์ในพระธรรมบท รื่องนางปฏาจารา มี นื้อหามาในพระธรรมบทโดยพิศดาร ดังนี้ สนุกมาก ๑๒ รื่องนางปฏาจารา ๙๒ ข้อความ บื้องต้น พระศาสดา มื่อประทับอยู่ในพระ ชตวัน ทรงปรารภพระ- ปฏาจารา ถรี ตรัสพระคาถานี้ว่า โย จ วสฺสสตํ ชี ว ป็นต้น ความรักไม่ ลือกชั้นวรรณะ ดังได้สดับมา นางปฏาจารานั้นได้ ป็นธิดาของ ศรษฐี ู้มีสมบัติ ๔๐ โกฏิในกรุงสาวัตถี มีรูปงาม ใน วลานางมีอายุ ๑๖ ปี มารดา บิดา มื่อจะรักษา จึงให้นางอยู่บนชั้นบนปราสาท ๗ ชั้น ถึง มื่อ ป็น ช่นนั้น นางก็ยังสมคบกับคนรับใช้คนหนึ่งของตน ครั้งนั้นมารดา บิดาของนางยกให้แก่ชายหนุ่มคนหนึ่ง ในสกุลที่มีชาติ สมอกันแล้ว กำหนดวันวิวาหะ มื่อวันวิวาหะนั้นใกล้ ข้ามา นางจึงพูดกะคนรับใช้ ู้นั้นว่า ได้ยินว่า มารดาบิดาจักยกฉันให้แก่สกุลโน้น ในกาลที่ฉัน ไปสู่สกุล ัว ท่านแม้ถือบรรณาการ พื่อฉันมาแล้ว ก็จักไม่ได้ ข้าไปในที่ นั้น ถ้าท่านมีความรักในฉัน ก็จงพาฉันหนีไปโดยทางใดทางหนึ่งใน บัดนี้นี้แล คนรับใช้นั้นรับว่า ดีละ นาง ู้ จริญ แล้วกล่าวว่า ถ้า อย่างนั้นฉันจักยืนอยู่ในที่ชื่อโน้นแห่งประตู มืองแต่ วลา ช้าตรู่พรุ่งนี้ หล่อนพึงออกไปด้วยอุบายอย่างหนึ่งแล้ว มาในที่นั้น ในวันที่ ๒ ก็ ได้ยืนอยู่ในที่นัดหมายกันไว้ นางปฏาจาราหนีไปกับคนใช้ ่ายธิดา ศรษฐีนั้นนุ่ง ้าปอน ๆ สยาย ม อารำทาสรีระถือหม้อน้ำ ออกจาก รือน หมือน ดินไปกับพวกทาสี ได้ไปยังที่นั้นแต่ ช้าตรู่ ชายคน รับใช้นั้นพานางไปไกลแล้ว สำ ร็จการอาศัยอยู่ในบ้านแห่งหนึ่ง ไถนา ในป่าแล้ว ได้นำฟืนและ ัก ป็นต้นมา ธิดา ศรษฐีนอกนี้ อาหม้อน้ำมา แล้ว ทำกิจมีการคำข้าวและหุงต้น ป็นต้นด้วยมือตน อง สวย ลแห่ง ความชั่วของตน ครั้งนั้น สัตว์ กิดในครรภ์ตั้งขึ้นในท้องของนางแล้ว นางมีครรภ์แก่แล้วจึงอ้อนวอนสามีว่า ใคร ๆ ู้อุปการะของ ราไม่มี ในที่นี้ ธรรมดามารดาบิดา ป็น ู้มีใจอ่อนโยนในบุตรทั้งหลาย ท่าน จงนำฉันไปยังสำนักของท่าน ถิด ฉันจักคลอดบุตรในที่นั้น สามีนั้น คัดค้านว่า นาง ู้ จริญ จ้าพูดอะไร มารดาบิดาของ จ้า ห็นฉันแล้ว พึงทำกรรมกรณ์มีอย่างต่าง ๆ ฉันไม่อาจไปในที่นั้นได้ นางแม้อ้อนวอน แล้ว ๆ ล่า ๆ มื่อไม่ได้ความยินยอม ใน วลาที่สามีนั้นไปป่า จึง รียก คน ู้คุ้น คยมาสั่งว่า ถ้า ขามาไม่ ห็นฉัน จักถามว่า 'ฉันไปไหน ' พวกท่านพึงบอกความที่ฉันไปสู่ รือนแห่งตระกูลของตน ดังนี้แล้ว ก็ปิดประตู รือนหลีกไป ่ายสามีนั้นมาแล้ว ไม่ ห็นภรรยานั้นจึงถามคนคุ้น คย ฟัง รื่อง นั้นแล้ว ก็ติดตามไปด้วยคิดว่า จักให้นางกลับ พบนางแล้วแม้จะ อ้อนวอนมีประการต่าง ๆ ก็มิอาจให้นางกลับได้ ทีนั้น ลมกัมมัชวาตของนางปั่นป่วนแล้วในที่แห่งหนึ่ง นาง ข้า ไปในระหว่างพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง พูดว่า นาย ลมกัมมัชวาตของฉัน ปั่นป่วนแล้ว นอนกลิ้ง กลือกอยู่บนพื้นดิน คลอด ด็กโดยยากแล้ว คิด ว่า ราพึงไปสู่ รือนแห่งตระกูล พื่อประโยชน์ใด ประโยชน์นั้นสำ ร็จ แล้ว จึงกลับมาสู่ รือนกับสามี สำ ร็จการอยู่กันอีก ทียว สมัยอื่น ครรภ์ของนางตั้งขึ้นอีก นาง ป็น ู้มีครรภ์แก่แล้วจึง อ้อนวอนสามีโดยนัยก่อนนั้นแล มื่อไม่ได้ความยินยอม จึงอุ้มบุตรด้วย สะ อวหลีกไปอย่างนั้นนั่นแล แม้ถูกสามีนั้นติดตามไปพบแล้ว ก็ไม่ ปรารถนาจะกลับ ครั้งนั้น มื่อชน หล่านั้น ดินไปอยู่ มหา มฆอันมิใช่ฤดูกาล กิด ขึ้น ท้องฟ้าได้มีท่อธารตกลงไม่มีระหว่าง ดังสายฟ้าแ ด าอยู่โดยรอบ ดังจะทำลายลงด้วย สียงแ ดแห่ง มฆ ในขณะนั้น ลมกัมมัชวาตของนาง ปั่นป่วนแล้ว นาง รียกสามีมากล่าวว่า นาย ลมกัมมัชวาตของฉัน ปั่นป่วนแล้ว ฉันไม่อาจจะทนได้ ท่านจงรู้สถานที่ นไม่รดฉัน ถิด สามีนั้นมีมีดอยู่ในมือ ตรวจดูข้างโน้นข้างนี้ ห็นพุ่มไม้ซึ่ง กิดอยู่บน จอมปลวกแห่งหนึ่ง ริ่มจะตัด ลำดับนั้น อสรพิษมีพิษร้ายกาจ ลื้อย ออกจากจอมปลวก กัด ขาในขณะนั้นนั่นแล สรีระของ ขามีสี ขียวดัง ถูก ปลวไฟอันตั้งขึ้นในภายในไหม้อยู่ ล้มลงในที่นั้นนั่น อง ่ายภรรยา นอกนี้ สวยทุกข์อย่างมหันต์ แม้มองดูทางมาของ ขาอยู่ ก็มิได้ ห็น ขา ลย จึงคลอดบุตรคนอื่นอีก ทารกทั้ง ๒ ทนกำลังแห่งลมและ นไม่ได้ ก็ ร้องไห้ลั่น นาง อาทารกแม้ทั้ง ๒ คนนั้นไว้ที่ระหว่างอุทร ยืน ท้า แ ่นดินด้วย ข่าและมือทั้ง ๒ ให้ราตรีล่วงไปแล้ว สรีระทั้งสิ้นได้ ป็น ดังสีใบไม้ หลือง หมือนไม่มีโลหิต มื่ออรุณขึ้นนางอุ้มบุตรคนหนึ่งซึ้ง มีสีดังชิ้น นื้อด้วยสะ อว จูงบุตรนอกนี้ด้วยนิ้วมือกล่าวว่า มา ถิด พ่อ บิดา จ้าไปโดยทางนี้ ดังนี้แล้ว ก็ ดินไปตามทางที่สามีไป ห็นสามี นั้นล้มตายบนจอมปลวกมีสี ขียวตัวกระด้าง ร้องไห้รำพันว่า พราะ อาศัย รา สามีของ ราจึงตายที่หนทาง ปลี่ยว ดังนี้แล้วก็ ดินไป นาง ห็นแม่น้ำอจิรวดี ต็ม ปี่ยมด้วยน้ำมีประมาณ พียงหัว ข่า ฉบับสีหล ชานุปฺปมาณ ไม่มี มีประมาณ พียงนม พราะ นตกตลอดคืนยังรุ่ง ไม่อาจลงน้ำพร้อมด้วย ทารก ๒ คนได้ พราะตนมีความรู้อ่อน จึงพักบุตรคนใหญ่ไว้ที่ ั่งนี้ อุ้มบุตรคน ล็กนอกนี้ไป ั่งโน้น ลาดกิ่งไม้ไว้ให้บุตรนอนแล้ว คิดว่า จักไปที่อยู่ของบุตรนอกนี้ ไม่อาจละบุตรอ่อนได้กลับแลดูแล้ว ๆ ล่า ๆ ดินไป ครั้นใน วลาที่นางถึงกลางแม่น้ำ หยี่ยวตัวหนึ่ง ห็น ด็ก นั้น จึงโฉบลงมาจากอากาศ ด้วยสำคัญว่า ป็นชิ้น นื้อ นาง ห็น มันโฉบลง พื่อต้องการบุตร จึงยกมือทั้งสองขึ้น ร้อง สียงดัง ๓ ครั้งว่า สู สู หยี่ยวไม่ได้ยิน สียงนั้น ลย พราะไกลกัน จึง ฉี่ยว ด็กบินขึ้นสู่ วหาสไปแล้ว แม้บุตร ู้ยืนอยู่ที่ ั่งนี้ ห็นมารดายกมือทั้งสองขึ้น ร้อง สียงดังที่ท่ามกลางแม่น้ำ จึงกระโดดลงในแม่น้ำโดย ร็วด้วยสำคัญว่า มารดา รียก รา หยี่ยว ฉี่ยวบุตรอ่อนของนางไป บุตรคนโตถูกน้ำพัด ไป ด้วยประการฉะนี้ นางทราบข่าวว่ามารดาบิดาตายอีก นาง ดินร้องไห้รำพันว่า บุตรของ ราคนหนึ่งถูก หยี่ยว ฉี่ยวไป คนหนึ่งถูกน้ำพัดไป สามีก็ตาย สียในที่ ปลี่ยว พบบุรุษ ู้หนึ่ง ดินมา แต่กรุงสาวัตถี จึงถามว่า พ่อ ท่านอยู่ที่ไหน บุรุษ ฉันอยู่ในกรุงสาวัตถี แม่ ธิดา ศรษฐี ตระกูลชื่อโน้น ห็นปานนี้ใกล้ถนนโน้นในกรุงสาวัตถี มีอยู่ ทราบไหม พ่อ บุรุษ ฉันทราบ แม่ แต่อย่าถามถึงตระกูลนั้น ลย; ถ้าท่าน รู้จักตระกูลอื่น ก็จงถาม ถิด ธิดา ศรษฐี กรรมด้วยตระกูลอื่นของฉันไม่มี ฉันถามถึงตระกูล นั้น ท่านั้นแหละ พ่อ บุรุษ แม่ ฉันบอกก็ไม่ควร ธิดา ศรษฐี บอกฉัน ถิด พ่อ บุรุษ วันนี้ แม่ ห็น นตกคืนยังรุ่งไหม ธิดา ศรษฐี ฉัน ห็น พ่อ นนั้นตกคืนยังรุ่ง พื่อฉัน ท่านั้นไม่ ตก พื่อคนอื่น แต่ฉันจักบอก หตุที่ นตก พื่อฉันแก่ท่านภายหลัง โปรด บอกความ ป็นไปใน รือน ศรษฐีนั้นแก่ฉันก่อน บุรุษ แม่ วันนี้ ในกลางคืน รือนล้มทับคนแม้ทั้ง ๓ คือ ศรษฐี ๑ ภรรยา ศรษฐี ๑ บุตร ศรษฐี ๑ คนทั้ง ๓ นั้นถูก าบน ชิงตะกอน ดียวกัน แม่ อ๋ย ควันนั่นยังปรากฏอยู่ ในขณะนั้น นางไม่รู้สึกถึง ้าที่นุ่งซึ่งได้หลุดลง ถึงความ ป็นคน วิกลจริตยืนตะลึงอยู่ ร้องไห้รำพันบ่น พ้อ ซซวนไปว่า - บุตร ๒ คน ตาย สียแล้ว สามีของ รา ก็ตาย สียที่ทาง ปลี่ยว มารดาบิดาและพี่ชายก็ถูก า บน ชิงตะกอน ดียวกัน คนทั้งหลาย ห็นนางแล้ว ข้าใจว่า หญิงบ้า ๆ จึงถือ อา หยาก ยื่อ กอบ ุ่น โปรยลงบนศีรษะ ขว้างด้วยก้อนดิน พระศาสดาประทับนั่งแสดงธรรมอยู่ในท่ามกลางบริษัท ๔ ใน พระ ชตวันมหาวิหาร ได้ทอดพระ นตร ห็นนาง ู้บำ พ็ญบารมีมาแสนกัลป์ สมบูรณ์ด้วยอภินิหาร ดินมาอยู่ นางได้ตั้งความปรารถนาไว้ในชาติก่อน ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระพุทธ จ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ นางปฏาจารานั้น ห็นพระ ถรี ู้ทรงวินัยรูปหนึ่ง อันพระปทุมุตตรศาสดา ทรงทั้งไว้ในตำแหน่ง อตทัคคะ ดังท้าวสักกะจับที่แขน ตั้งไว้ในสวน นันทวัน จึงทำคุณความดีแล้ว ตั้งความปรารถนาไว้ว่า แม้หม่อมฉัน พึงได้ตำแหน่ง ลิศกว่าพระ ถรี ู้ทรงวินัยทั้งหลายในสำนักพระพุทธ จ้า ช่น กับด้วยพระองค์ พระปทุมุตตรพุทธ จ้าทรง ล็งอนาคตังสญาณไป ก็ ทรงทราบว่าความปรารถนาจะสำ ร็จจึงทรงพยากรณ์ว่า ในอนาคตกาล หญิง ู้นี้จัก ป็น ู้ ลิศกว่าพระ ถรี ู้ทรงวินัยทั้งหลาย มีนามว่าปฏาจารา ในศาสนาของพระโคดมพุทธ จ้า พระศาสดา ทรง ห็นนาง ู้มีความปรารถนาตั้งไว้แล้ว อย่างนั้น ู้สมบูรณ์ด้วยอภินิหาร กำลัง ดินมาแต่ที่ไกล ทียว ทรงดำริว่า ว้น รา สีย ู้อื่นชื่อว่าสามารถจะ ป็นที่พึ่งของหญิง ู้นี้ได้ ไม่มี จึงได้ ทรงทำนางโดยประการที่นางจะบ่ายหน้าสู่วิหาร ดินมา บริษัท ห็นนางแล้วจึงกล่าวว่า ท่านทั้งหลาย อย่าให้หญิงบ้านี้ มาที่นี้ ลย พระศาสดาตรัสว่า พวกท่านจงหลีกไป อย่าห้าม ธอ ใน วลา นางมาใกล้ จึงตรัสว่า จงกลับได้สติ ถิด น้องหญิง นางกลับได้ สติด้วยพุทธานุภาพไม่ขณะนั้น อง ใน วลานั้น นางกำหนดความที่ ้านุ่ง หลุดได้แล้ว ให้ กิดหิริโอตตัปปะขึ้น จึงนั่งกระโหย่ง ลำดับนั้น บุรุษ ู้หนึ่งจึงโยน ้าห่มไปให้นาง นางนุ่ง ้านั้นแล้ว ข้าไป ้าพระศาสดา ถวายบังคมด้วย บญจางคประดิษฐ์ แทบพระบาท ทั้งสองซึ่งมีพรรณะดังทองคำแล้ว ทูลว่า ขอพระองค์จึงทรง ป็นที่พึ่ง แก่หม่อมฉัน ถิด พระ จ้าข้า พราะว่า หยี่ยว ฉี่ยวบุตรคนหนึ่งของ หม่อมฉันไป; คนหนึ่งถูกน้ำพัดไป สามีตายที่ทาง ปลี่ยว มารดาบิดาและ พี่ชายถูก รือนทับตาย ขา าบน ชิงตะกอน ดียวกัน พระศาสดาทรงสดับคำของนาง จึงตรัสว่า อย่าคิด ลยปฏาจารา ธอมาสู่สำนักของ ู้สามารถจะ ป็นที่พึ่งพำนักอาศัยของ ธอได้แล้ว; หมือน อย่างว่า บัดนี้ บุตรคนหนึ่งของ ธอถูก หยี่ยว ฉี่ยวไป คนหนึ่งถูกน้ำ พัดไป สามีตายแล้วที่ทาง ปลี่ยว มารดาบิดาและพี่ชายถูก รือนทับ ฉันใด; น้ำตาที่ไหลออกของ ธอ ู้ร้องไห้อยู่ในสงสารนี้ ใน วลาที่ปิยชน มีบุตร ป็นต้นตาย ยังมากกว่าน้ำแห่งมหาสมุทรทั้ง ๔ ก็ฉันนั้น หมือนกัน ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า - น้ำในสมุทรทั้ง ๔ มีประมาณน้อย น้ำตาของ คน ู้อันทุกข์ถูกต้องแล้ว ศร้าโศก มิใช่น้อย มาก ว่าน้ำในมหาสมุทรนั้น; หตุไร ธอจึงประมาทอยู่ ล่า แม่น้อง มื่อพระศาสดาตรัสอนมตัคคปริยายสูตรอยู่อย่างนั้น ความโศกใน สรีระของนาง ได้ถึงความ บาบางแล้ว ลำดับนั้น พระศาสดาทรงทราบที่นาง ู้มีความโศก บาบางแล้วทรง ตือนอีก แล้วตรัสว่า ปฏาจารา ขึ้นชื่อว่าปิยชนมีบุตร ป็นต้น ไม่อาจ พื่อ ป็นที่ต้านทาน ป็นที่พึ่ง หรือ ป็นที่ป้องกันของ ู้ไปสู่ปรโลกได้; พราะฉะนั้น บุตร ป็นต้น หล่านั้นถึงมีอยู่ ก็ชื่อว่าย่อมไม่มีที ดียว ส่วน บัณฑิตชำระศีลแล้ว ควรชำระทางที่ยังสัตว์ให้ถึงนิพพานของตน ท่านั้น มื่อจะทรงแสดงธรรม ได้ตรัสพระคาถา หล่านี้ว่า - บุตรทั้งหลาย ไม่มี พื่อต้านทาน บิดาก็ไม่มี ถึงพวกพ้องก็ไม่มี มื่อบุคคลถูกความตาย ครอบงำ แล้ว ความต้านทานในญาติทั้งหลาย ย่อมไม่มี; บัณฑิตทราบอำนาจประโยชน์นั้นแล้ว สำรวมในศีล พึงชำระทางไปพระนิพพานโดย ร็วที ดียว ในกาลจบ ทศนา นางปฏาจารา ากิ ลสมีประมาณ ท่า ุ่นใน แ ่นดินใหญ่แล้ว ตั้งอยู่ในโสดาปัตติ ล ชนแม้ หล่าอื่น ป็นอันมาก บรรลุอริย ลทั้งหลาย มีโสดาปัตติ ล ป็นต้น ดังนี้แล นางปฏาจาราทูลขอบวช ่ายนางปฏาจารานั้น ป็นพระโสดาบันแล้ว ทูลขอบรรพชากะ พระศาสดา พระศาสดาทรงส่งนางไปยังสำนักของพวกภิกษุณีให้บรรพชา แล้ว นางได้อุปสมบทแล้วปรากฏชื่อว่า ปฏาจารา พราะนางกลับ ความประพฤติได้ บาลีว่า พราะมีความประพฤติ ว้นจาก ืน ้า ดังนี้ก็มี วันหนึ่ง นางกำลัง อาหม้อตักน้ำล้าง ท้า ทน้ำลง น้ำนั้นไหลไปหน่อยหนึ่งแล้วก็ขาด ครั้งที่ ๒ น้ำที่นาง ทลง ได้ไหลไป ไกลกว่านั้น ครั้งที่ ๓ น้ำที่ ทลง ได้ไหลไปไกลแม้กว่านั้น ด้วยประการ ฉะนี้ นางถือ อาน้ำนั้นนั่นแล ป็นอารมณ์ กำหนดวัยทั้ง ๓ แล้ว คิดว่า สัตว์ หล่านี้ ตาย สียในปฐมวัยก็มี หมือนน้ำที่ รา ทลงครั้งแรก ตาย สียในมัชฌิมวัยก็มี หมือนน้ำที่ รา ทลงครั้งที่ ๒ ไหลไปไกลกว่านั้น ตาย สียในปัจฉิมวัยก็มี หมือนน้ำที่ รา ทลงครั้งที่ ๓ ไหลไปไกลแม้กว่านั้น พระศาสดาประทับในพระคันธกุฎี ทรงแ ่พระรัศมีไป ป็นดัง ประทับยืนตรัสอยู่ ฉพาะหน้าของนาง ตรัสว่า ปฏาจารา ข้อนั้น อย่างนั้น ด้วยว่าความ ป็นอยู่วัน ดียวก็ดี ขณะ ดียวก็ดี ของ ู้ ห็น ความ กิดขึ้นและความ สื่อมแห่งปัญจขันธ์ หล่านั้น ประ สริฐกว่า ความ ป็นอยู่ ๑๐๐ ปี ของ ู้ไม่ ห็นความ กิดขึ้นและความ สื่อมแห่งปัญจขันธ์ ดังนี้แล้ว มื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า - ๑๒ โย จ วสฺสสตํ ชี ว อปสฺสํ อุทยพฺพยํ อกาหํ ชีวิตํ สยฺโย ปสฺสโต อุทยพฺฑยํ ก็ ู้ใด ไม่ ห็นความ กิดขึ้นและความ สื่อมอยู่ พึง ป็นอยู่ ๑๐๐ ปี ความ ป็นอยู่วัน ดียว ของ ู้ ห็นความ กิดและความ สื่อม ประ สริฐกว่า ความ ป็นอยู่ของ ู้นั้น แก้อรรถ บรรดาบท หล่านั้น บาทพระคาถา อปสฺสํ อุทยพฺพยํ ความว่า ไม่ ห็นความ กิดขึ้นและความ สื่อมอยู่ ด้วยลักษณะ ๒๕ แห่งปัญจขันธ์ บาทพระคาถาว่า ปสฺสโต อุทยพฺพยํ ความว่า ความ ป็นอยู่แม้วัน ดียว ของ ู้ ห็น ความ กิดขึ้นและความ สื่อมแห่งปัญจขันธ์ หล่านั้น ประ สริฐ กว่าความ ป็นอยู่ของบุคคลนอกนี้ ในกาลจบ ทศนา นางปฏาจาราบรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัม- ภิทาทั้งหลาย ดังนี้แล รื่องนางปฏาจารา จบ <br>ถ่ายที่ า นังวัดพุทธศรีลังกา มืองสาวัตถี ประ ทศอิน ดีย The painting depicts of Patachara Patachara loses her husband and two Childre in Dhammapada<br>Location in Srilangka Buddhist temple in SravasthiSravasti India Selbst gefertigte Fotografie travail personnel Captured by uploader ภาพนี้ถ่ายโดย ู้อัพโหลด 由上傳 拍 2007 pages for review Buddhist paintings in India Patacara |